The Far Edge of Fate (3.5) ปลายทางแห่งโชคชะตา | สรุปเนื้อเรื่อง Final Fantasy XIV

Alphinaud  เรียกเหล่า  Scions  มาประชุมกันที่  Rising Stones  เพื่อหาคนมาประสานงานทำหน้าที่    แทน  Minfilia ทางผู้ที่เข้าประชุมทั้งหลายได้เสนอชื่อ  Alphinaud  แต่ตัวเค้าปฏิเสธเพราะบทเรียนจากการบริหารกลุ่ม  Crystal Braves ที่ล้มเหลว  นักรบแห่งแสงก็เป็นตัวเลือกที่ดี  แต่ติดภารกิจมากมายไหนจะต้องขุดแร่ ตกปลา ฟาร์มหินอัพ iLv (เดี๋ยวๆ) ส่วนทาง  Papalymo  บอกว่ากลุ่ม  Scions  ค่อนข้างจะสนิทกัน ไม่จำเป็นต้องมีคนคอยประสานงานก็ได้ ระหว่างที่ประชุมกันอยู่  Miqo'te  จาก  Ala Mhigo  ได้เดินทางมาถึงพร้อมข่าวว่า  The Griffin  จะโจมตี  Baelsar's Wall  กำแพงที่กั้น  Gyr Abania  จาก  Black Shroud  เพื่อยั่วยุสงครามระหว่าง  Eorzea  กับ  Garlean Empire  เมื่อพวก Scions ทราบจึงรีบออกเดินทางไปแจ้งข่าวให้แต่ละเมืองใน Eorzea ทราบ

The Griffin

แผนการของ The Griffin

นักรบแห่งแสงเดินทางเพื่อไปพบ  Aymeric  ที่  Ishgard  ทันใดนั้นทางAymeric  ก็เรียกประชุมสภา  และ  ตัวเค้าได้รับเลือกเป็นตัวแทนของ  Ishgard  แต่  Aymeric  ต้องการจะแจ้งข่าวไปที่  Camp Dragonhead  นักรบแห่งแสงจึงเดินทางไปยัง  Camp Dragonhead  เพื่อพบกับ  Emmanellain  และ  Honoroit  คนรับใช้  ที่ได้ตำแหน่งผู้บัญชาการ  Camp Dragonhead  แทน  Haurchefant เสียชีวิตไป

Camp Dragonhead

ผู้นำ  Eorzea  ได้ทำการรวมตัวกันประชุมที่  Gridania ทางด้าน  Ishgard  และ  Doman  พิจารณาส่งกำลังมาช่วย  Grand Company  ที่  Baelsar's Wall  เพื่อช่วยกันเสริมการป้องกัน  Black Shroud  ทางด้าน Alphinaud  กังวลว่านี่อาจเป็นกับดัก  Yda, Papalymo, Thancred  และ  Yugiri  ลอบเดินทางเข้า  Gyr Abania  ผ่านอุโมงค์ลับ  เพื่อเจรจากับ  The Griffin ในส่วนของ Alphinaud  และนักรบแห่งแสงเฝ้าสังเกตการณ์  ร่วมกับ  Hilda  และ  Grand Company



และในที่สุดเกิดการระเบิดขึ้นที่  Baelsar's Wall  ทหารรายงานว่าทาง  Grand Company  เริ่มโจมตีก่อน  ซึ่ง Alphinaud  รู้ทันทีว่านี่คือกับดัก  The Griffin  หลอก  Eorzea  ให้เสริมกำลังชายแดน  แล้ว  แอบอ้างเป็น  Grand Company  ทำให้ดูเหมือน  Eorzea  เป็นฝ่ายเริ่มสงคราม  Alphinaud  รีบเดินทางไปอุโมงค์ลับ  ในขณะที่นักรบแห่งแสงรีบบุกไปยัง  Baelsar's Wall


Ilberd และ Shinryu

นักรบแห่งแสงเผชิญหน้า  The Griffin  ที่เผยตัวว่าคือ  Ilberd  ผู้ทรยศกลุ่ม  Crystal Braves  ที่ร่วมมือกับ  Lolorito  เพื่อก่อกบฏใน  Ala Mhigo ถึงครั้งนั้น  Ilberd  จะพ่ายแพ้แต่แผนการของเขา  สำเร็จไปแล้ว  Laurentius  และ  Yuyuhase  ปลอมตัวเป็นทหาร  Garlean  ปล่อย  Magitek  สังหาร  กลุ่มกบฏ  Ilberd  ใช้ดวงตา  Nidhogg  และเสียสละตัวเองอัญเชิญ  Primal  ที่ร้ายกาจกว่า  Bahamut

Yuyuhase Luluhase


Papalymo  สั่งให้ทุกคนรีบหนีไปรวมถึงนักรบแห่งแสง  และ  Yda โดยที่  Papalymo  จะใช้ไม้เท้า  Tupsimati  ร่าย  Sealing Ritual  เหมือนที่นักปราญช์  Louisoix  เคยทำที่  Carteneau แต่ทาง Yda  ไม่ยอมทิ้ง  Papalymo ทำให้ Thancred  จึงต้องบังคับให้  Yda  ขึ้นเรือเหาะของ  Hilda ทันที  Papalymo  ร่าย  Sealing Ritual  ผนึก  Primal  ที่ยังไม่สมบูรณ์ไว้ใน  Cocoon of Light  และสลายไป (ซีนนี้โคตรเท่และเศร้า)  Thancred  บอก  Yda  ว่าถ้าจะเกลียดให้เกลียดเขาอย่าเกลียด  Papalymo ซึ่ง Thancred  เองก็เสียใจและสังเกตุว่า  Papalymo  มีแววตามุ่งมั่นเหมือน  Louisoix


Omega

นักรบแห่งแสงเดินทางกลับไปยัง  Rising Stones กลุ่ม  Scions  เสียใจกับการตายของ  Papalymo เป็นอย่างมาก และพยายามมุ่งมั่นตั้งใจทำงานมากขึ้น เพื่อแก้ไขปรากฏการณ์  Cocoon of Light ที่เกิดขึ้น ในส่วนของ  Eorzean Alliance  ก็มีการเรียกประชุม ทางกลุ่ม  Scions  และ  Cid  ได้เดินทางมาที่  Vesper Bay  ตัดกลับมา ซามูไรร่างสูงใหญ่  เดินทางมาถึง  Eorzea  เขาหิวมากแต่ปฏิเสธที่จะยอมแพ้ต่อความหิว  แล้วก็  สลบ  Urianger  พอจะรู้ว่าซามูไรคนนี้มาจากไหน

Yugiri  

การประชุมไม่ได้ข้อสรุป  ตอนนี้ไม่มีใครรู้วิธีจัดการ  Cocoon of Light ทันใดนั้น  Nero tol Scaeva  ปรากฏตัวเสนอให้ใช้  Omega  อาวุธจากอารยะธรรม  Allagan  ที่ผนึก  Bahamut  ไว้  Omega  ถูก  ผนึกอยู่ใต้  Carteneau  ไม่มีใครไว้ใจ  Nero  แต่บางที  Omega  อาจจะคือทางออกเดียวในสถานะการณ์ตอนนี้

Gotsetsu  

ณ  Rising Stones  ซามูไรมาถึงตามคำเชิญของ  Urianger ซามูไรกล่าวว่าเขาจำ  Yugiri  ได้  และ  บอกว่ามารับ  Yugiri  กลับประเทศ  Doma ส่วน Yugiri  ได้แนะนำซามูไรคนนี้มีชื่อว่า  Gotsetsu  และ  บอกว่าเธอต้องช่วยเหลือกลุ่ม  Scions  และชาว  Doman  ใน  Mor Dhona ก่อน ซามูไร Gotsetsu  รู้ว่า  ศัตรู คือ  Garlean Empire  จึงอาสาร่วมรบด้วย


Shinryu ปะทะ Omega

นักรบแห่งแสง  และ กลุ่มพวกพ้องได้เดินทางไปยัง  Carteneau  ด้วยยาน  Excelsior ของ Cid  และได้เข้าปะทะกับทหารของจักรวรรดิ  Garlean หลังจากนั้น  Cid  และ  Nero  ร่วมมือกันเตรียมความพร้อมของ  Omega ในขณะที่  Yda  ยังคงลังเลที่จะใช้เจ้าสิ่งนี้  Cid  จึงเร่งให้  Yda  รีบตัดสินใจ ในที่สุด Yda  ก็ได้กดปุ่มปล่อย  Omega ทันใดนั้น  Omega มุ่งหน้าบินไปยัง  Gyr Abania  พร้อมกับมังกร  Shinryu  ปรากฏตัวจาก  Cocoon of Light หลังจากนั้น Omega  ต่อสู้กับ  Shinryu  จนเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ทำให้  Omega  และ  Shinryu  สูญหายไป  หลังจากการต่อสู้เซ็นเซอร์ของ  Omega  ได้เกิดการขัดข้อง  ทำให้ Cid  พยายามส่ง  Stasis Code เพื่อตามหา  และ  ทุกคนกลับยาน  Excelsior  นักรบแห่งแสงได้สังเกตเห็นว่ารอยสักที่คอของ  Yda  หายไปแล้ว

Omega  
ความจริงของ Yda

เหล่าผู้นำแห่งกลุ่มต่างๆใน  Eorzea มาประชุมร่วมกันที่  Gridania  มติในที่ประชุมตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือจากกลุ่มกบฏ  Ala Mhigo  จีงแจ้งให้ Raubahn  และ  ลูกชายเดินทางไปยัง  Baelsar's Wall  เพื่อเปิดทางสู่  Gyr Abania โดยที่ Raubahn  ประกาศก้องว่าจะยึด  Ala Mhigo  คืนเพื่อ 
Ilberd สหายของเค้า

Ilberd

Yda  ได้เปิดเผยว่าจริงๆแล้วเธอไม่ใช่  Yda  แต่คือ  Lyse  น้องสาวของเธอ ซึ่ง  Lyse  สวมหน้ากาก  และ  ใช้ชื่อ  Yda  หลังจาก  Yda  ตายขณะเข้าช่วยผู้ลี้ภัยจากจักวรรดิ  Garlean  เมื่อ 6 ปีก่อน  ตอนที่ Papalymo  ตาย  และ  ขอให้  Lyse สิบทอดเจตนารมณ์เดินตามเส้นทางของตัวเองต่อไป  Lyse  จึง  เปิดเผยตัวตน  และ  สานต่อเจตนารมณ์ของครอบครัว

Lyse  
บทส่งท้าย

Yugiri  และ  Gotetsu  ได้เตรียมตัวออกเดินทางกลับ  Doma ทางด้าน  Yugiri  เองเสียใจที่ต้องจาก  เพื่อนๆ  แต่เธอต้องกลับ  Doma  เมื่อภารกิจใน  Eorzea  เสร็จสิ้น  ผู้บัญชาการของจักรวรรดิ  Garlean  ใน  Ala Mhigo  ให้สนใจ  Omega  และ  Shinryu  และในตอนนั้นเองมีคนยิ้มในเงามืด



The Far Edge of Fate  จบลงด้วย  การเปิดเผยตัวตนของ  Lyse  และ  การต่อสู้ครั้งใหม่ที่กำลังจะ  เริ่มต้นขึ้นใน  Ala Mhigo 

เจอกันใน 4.0 

เนื้อเรื่องไล่ตาม Patch

ความคิดเห็น